หลังจากที่อัพเดตบล็อคไปราว 2 เดือนก่อน บ่นขิงว่าฝึกงานไม่เริ่มสักที สรุปว่าเราไม่อยากเสี่ยงกับที่ฝึกงานที่ได้ก่อนหน้าเพราะทางนั้นดูไม่ค่อยพร้อมรับเด็ก เราก็เลยตัดสินใจหาที่ฝึกงานใหม่แบบปุบปับมาก ๆ เดี๋ยวจะเล่าหลังจากนี้ แล้วก็มีเรื่องผิดหวังมาก ๆ แต่ก็ทำให้ตัวเองโตขึ้นและทางกลับกัน เรารู้สึกว่าตัวเองก็แข็งแกร่งขึ้นนิดหน่อยด้วยล่ะ
インターン生として1か月半の生活
ที่แรกที่เราได้ เป็นที่ที่เพื่อนชวนไปเพราะเพื่อนเคยทำงานพาร์ทไทม์อยู่ ตอนที่รับมา จุดนั้นเริ่มสิ้นหวังว่าจะหาไม่ได้ คว้าอะไรได้ก็คว้าไว้ก่อน มาย้อนคิดดูอีกทีเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวนิดหน่อย ยิ่งตอนตัดสินใจจะไม่ทำแล้วยิ่งรู้สึกผิด แต่ทางบริษัทนั้นก็เพิ่งตั้งใหม่ยังดูไม่ค่อยพร้อมจริง ๆ เราก็เลยพยายามหาใหม่ ตอนนั้นคือปลายเดือนมิถุนายนแล้ว เพื่อนที่ฝึกก็คือฝึกกันเกือบเดือนแล้ว ส่วนเราก็ไม่รู้อนาคต ไม่รู้ว่าผลแลกเปลี่ยนจะเป็นยังไงด้วย แต่ก็พยายามหาใหม่
แล้วเราก็เจอโฆษณาใน Facebook เด้งขึ้นมา เป็นโฆษณารับเด็กฝึกงานให้กับบริษัทที่ทำเว็บรวบรวมงานในบริษัทญี่ปุ่นเว็บหนึ่ง คือเราไม่ได้กดไลค์เพจแต่มารู้ที่หลังว่าพี่ที่ยิงโฆษณาเขาเจาะกลุ่มเพื่อนของคนที่กดไลค์เพจด้วยเราก็เลยเห็น
ตอนนั้นคือ กดสนใจงานวันพุธ ทางบริษัทติดต่อมาวันพฤหัส ไปสัมภาษณ์วันศุกร์ แล้วเริ่มงานวันจันทร์เลย ปุบปับและเร็วมาก ๆ จนเราเผลอคิดไปแวบนึงว่าบริษัทนี้รับคนง่ายดีแฮะ แต่ก็มารู้ทีหลังว่าความจริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น5555555555555
งานที่เราได้ทำที่บริษัทนี้ไม่ได้ Challenging หรือต้องการอะไรจากเรามาก งานที่ได้รับมอบหมายก็คือ อธิบายเราก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องมาเรียนรู้อะไรยาก ๆ ใหม่ แถมมีคนคอยชี้แนะทุกขั้นตอน ดูแลกันทั้งด้านการทำงานและด้านจิตใจด้วย แต่สิ่งสำคัญมาก ๆ คือ ทักษะการสื่อสาร สำหรับเราไม่ใช่แค่เรื่องกำแพงภาษา ภาษาที่แตกต่างของคนในที่ทำงานก็ส่วนหนึ่ง (มีทั้งคนไทยที่พูดอังกฤษได้อย่างเดียวและพูดได้ทั้งญี่ปุ่นและอังกฤษ และคนญี่ปุ่นที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้แต่ไม่รู้ภาษาไทย) แต่สิ่งสำคัญกว่าเป็นเรื่องการสื่อสารให้รู้เรื่องและประสานงานกับคนอื่นให้ได้มากกว่า
ตำแหน่งที่เราเข้าไปทำอาจจะเรียกได้ว่าเป็น Marketing Assistant ที่พวกตำแหน่ง General เบ๊เล็ก ๆ ฟากการตลาดเราทำฝั่ง B to C (Business to Customer) คือพยายามสร้าง engagement กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นบุคคล โดยจะทำพวก Content ใน Facebook เพื่อสร้าง Engagement และทำให้เว็บเป็นที่รู้จักมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามทำให้เรซูเม่ของสมาชิกเว็บไซต์มีคุณภาพด้วย แล้วที่สนุกที่สุดสำหรับฟากการตลาดก็คือ เราโชคดีที่เข้าไปช่วงเด็กฝึกงานญี่ปุ่นกำลังจะทำอีเวนท์ เราก็เลยช่วยเด็กฝึกงานญี่ปุ่นโดยตรงในการประสานงานกับฟากคนไทย รวมถึงทำพวกโปสเตอร์งานต่าง ๆ ด้วย ได้ฟื้นสกิล Photoshop นิดหน่อย สนุกมากกกก
อันนี้ตอนพรีเซนต์ โอโห ตื่นเต้นมากกกก สคริปต์เสร็จเช้าก่อนพรีเซนต์ ได้ซ้อมไปรอบเดียว อันนี้ทีมที่ทำงานด้วยกัน
แต่อีเวนท์นี่เรียกได้ว่าทั้งสนุกทั้งลำบากเหมือนกัน เราต้องหาวิธีให้คนมาเข้าร่วมงานให้ได้มากที่สุด ต้องปรึกษากับทีมกันแบบหัวแทบแตก แถมวันงานก็ต้องพรีเซนต์สั้น ๆ ด้วย เล่นเอาคนที่ไม่ค่อยถนัดพรีเซนต์ต่อหน้าคนเยอะ ๆ ประหม่าไปเลย 555555555 แล้วเราก็จบฝึกงานด้วยอีเวนท์นี้ ยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดไม่น้อยแหละ แต่พี่ที่ทำงานก็ปลอบใจบอกดีแล้ว ๆ
![](https://suikagakirai.home.blog/wp-content/uploads/2019/09/67467412_10157200687059985_7986405671601963008_o.jpg?w=1024)
ส่วนตำแหน่ง General เบ๊ เราได้เรียนพวกงานธุรการทั่วไปแหละ แบบติดต่อประกันสังคม ภกด ต่าง ๆ ที่เลขยุบยับไปหมด การจ่ายบิลแบบมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตอนแรกคืองงมาก แต่ตอนนี้ก็พอเข้าใจ process โดยรวม รู้สึกว่าทำอะไรแบบนี้ก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน
สิ่งสำคัญที่เราได้มาจากที่นี่ก็คือมิตรภาพจริง ๆ พี่ ๆ ที่ฝึกงานน่ารักกันทุกคน น่ารักไปยัน CEO เราชอบ mentoring session มาก ๆ แม้จะเคยเข้าแค่ครั้งเดียว เราเหมือนได้ฟัง vision จากคนที่มีประสบการณ์ แล้วเราก็พอเห็นแนวทางของตัวเองต่อจากนี้ไปด้วย ได้เพื่อนคนญี่ปุ่นรุ่นราวคราวเดียวกัน ไปเที่ยวด้วยกัน เป็นช่วงเวลาที่สนุกแบบคาดไม่ถึงเลย
และที่สำคัญมากที่สุด ที่นี่ เรารู้สึกว่าภาษาญี่ปุ่นตัวเองก็ไม่ได้ง่อยขนาดนั้นนี่!! ก็สื่อสารได้อะ พูดคุยกันรู้เรื่อง แค่แบบ ระดับเป็นทางการอาจจะต้องไปฝึกอีกเยอะ
人生第一の大きな失敗
อย่างที่เราเกริ่น ช่วงปิดเทอมเราเจอความผิดหวังครั้งใหญ่ ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นนิคเคนเซที่เราสอบไปเมื่อต้นปี พอเรื่องไปถึงกระทรวงที่ญี่ปุ่นแล้วเราไม่ผ่าน ช่วงรู้ผลก็คือช่วงเราฝึกงานอาทิตย์แรกพอดี วันนั้นก็คือร้องไห้ในที่ทำงานจนพี่ ๆ เขาตกใจกันทั้งบริษัท (แต่วันต่อมาก็คือสภาพซอมบี้ ออกมาทำงานได้ปกติ)
เราอาจจะถือว่านี่เป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของเราก็ได้ ก่อนหน้านี้เรื่องผิดหวังที่เราเจอไม่เคยเป็นก้าวใหญ่ของชีวิต อย่างมากก็แค่เรื่องเล็กน้อยที่มีผลกับเราไม่นาน เราสอบม.ปลายติดทั้งที่อ่านหนังสือไม่นาน เราสอบมหา’ลัยได้โดยผลไปตามที่เราหวัง เราเข้าเอกได้โดยที่อาศัยความพยายามอยู่เหมือนกันแต่ก็สำเร็จแบบสวยงาม เราอาจจะพลาดทุนซุยเซ็นปีที่แล้วแต่เป็นเรื่องที่เราคาดไว้ตั้งแต่ส่งใบสมัคร
แต่มันต่างจากครั้งนี้ที่เราตั้งใจมาก ๆ ใส่ใจทุกขั้นตอน เขียน study plan อ่านหนังสือสอบ เตรียมตัวสัมภาษณ์ แต่ผลที่เราได้รับกลับไม่ตรงกับที่เราคาดหวัง จุดนั้นคือแผนที่เราวางไว้ 1 ปีข้างหน้าพังทลายแบบไม่มีชิ้นดี เราร้องไห้จนนอนหลับไม่ได้ ต้องโทรไปหาเพื่อนที่ก็ฝึกงานเหนื่อยเหมือนกัน เราโชคดีที่เรามีเพื่อนคอยปลอบและให้คำปรึกษาที่ดี เพื่อนคนนั้นบอกเราว่า
“Everything happened for a reason”
การที่เราไม่สมหวังกับสิ่งนี้ มันอาจจะเพื่อให้เราไปเจอสิ่งอื่น
ครั้งนี้เราโชคดีที่มีเพื่อนดี พ่อแม่อยู่ข้าง ๆ พี่และเพื่อนที่ฝึกงานที่ให้ความมั่นใจว่าเรายังมีศักยภาพอยู่ แล้วก็โชคดีสุด ๆ ที่ปีนี้วิรัชกิจเปิดทุนรอบฤดูใบไม้ผลิช้า เราก็เลยสมัครทัน เราก็เลยลองดูอีกสักรอบแม้รอบนี้จะมีโอกาสน้อยนิดที่เราจะได้ทุนสนับสนุนชีวิตความเป็นอยู่ก็เถอะ55555555
อวยพรให้ชินชูรับเรา และขอให้ Jasso เมตตาเราด้วย
最後に
![](https://suikagakirai.home.blog/wp-content/uploads/2019/09/69208757_2559602764106962_2871487406073184256_o.jpg?w=576)
ขออออออออออออออออขิงงงงงงงงงงงงงงงงคะแนนนนนนนนนนนนนนนน N1 หน่อยค้าบบบบบบบบ เสีย 800 แบบไม่สูญเปล่า คะแนนขึ้น น้ำตาจะไหล5555555555555555555 ตรงนี้อนุญาตให้มาตบได้นะคะ เล่าความรันทดมา 3 พารากราฟ จบด้วยความน่าหมั่นไส้
Back Number ยังไม่ออกเพลงใหม่เลยค่ะ ชีวิตเศร้า ๆ หน่อยช่วงนี้ แต่ก็ยังดีที่บอลพรีเมียร์ลีกเปิดฤดูกาลแล้วววววว เย่ แค่เราตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ตายจนกว่าลิเวอร์พูลจะได้แชมป์ เราก็จะมีชีวิตอยู่ไปได้อีกอย่างน้อย 1 ปี (หรืออีกหลายปี เพราะไม่ยอมได้แชมป์สักที)
![](https://suikagakirai.home.blog/wp-content/uploads/2019/09/20190829_180210.jpg?w=768)
何かがあっても、人生は続いていくのだろう