社会人1年目:ชีวิตสาว OL ปีแรก

สวัสดีค่าาา หายไปเกือบปีอะ แหะๆ เรียกว่าไม่ได้มีสาระอะไร มาอัพเดตชีวิตแล้ว

หลังจากที่บอกไปในบล็อกที่แล้วว่ารอไปแลกเปลี่ยนแล้วพยายามทำตัวให้ยุ่ง อ่า แล้วก็ได้ยุ่งสมใจเลยอะ 5555555 อย่างที่บอก เราได้งานเป็นไบโตะอยู่ที่บริษัทเทรดดิ้งแห่งหนึ่ง เรียกว่าทำเพื่อรอนั่นแหละก็เลยยังไม่หาฟูลไทม์ทำ และแล้วผลก็ออกอย่างเป็นทางการว่าไม่ได้บินไปเรียนแน่ ๆ ก็เลยยื่นจบ และแน่นอนว่ายื่นรับปริญญาไม่ทัน ต้องมารับพร้อมเพื่อนปี 5 อยู่ดี

ตอนรู้ผลอย่างเป็นทางการตอนนั้นก็เลยเริ่มหางานประจำ โดยเริ่มจากผ่านรีครูทก่อน ผ่านรีครูทได้สัมภาษณ์อยู่ 2 ที่ แต่ไม่ผ่าน ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรแต่ก็แอบหวังเพราะที่แรกที่สัมภาษณ์เข้าไปถึงรอบสัมภาษณ์สุดท้ายแหละ แง แต่ก็เรียกว่า third times lucky มั้งงง แบบ พี่ในบริษัทส่งประกาศหางานมาให้ ก็เลยลองยื่นเรซูเม่ไปดู แล้วก็ได้เรียกสัมภาษณ์ หลังจากสัมภาษณ์ไปก็มีประกาศผลสัมภาษณ์

ตอนแรก ได้รับผลว่าไม่ผ่าน เราก็อะ ไม่อะไรเพราะรู้สึกว่างานนี้ไม่ได้ต้องการ qualification แบบเรา ก็เลยเดินหน้าหางานใหม่ไปเรื่อย แต่สรุปว่าเย็นวันนั้น ได้รับผลใหม่ว่าเราเป็นคนผ่านการสัมภาษณ์ได้งานนี้ (มารู้ทีหลังว่าคนแรกที่ได้เรียกเงินมากกว่าเราอะนะ แหะ ๆ) ละสุดท้ายก็ได้ 内定 ตอนช่วงต้นเดือนธันวาคมเลย นับเป็นข่าวดีมาก ๆ ตอนนั้น เราไปเรียนงานกับพี่คนเก่า 2 วันถ้วน ก็ต้องมาเข้าทำงานเลยตอนขึ้นปี 2021

งานก็คือ チャレンジ精神 ตายไปแล้ว บอกแค่นี้เลย55555555 คือไม่ได้จะบ่นกับความว่างของงานหรืออะไร ช่วงนี้มีงานให้ทำก็ดีเท่าไหร่แล้ว เนื้อหางานก็คือทำบัญชีคร่าว ๆ ส่งบริษัทบัญชีอีกที รวบรวมข่าวส่งสำนักงานใหญ่ที่ญี่ปุ่น ช่วยเหลือนายเรื่องการประสานงานนู่นนี่กับบริษัทข้างนอกหรือกับหน่วยงานราชการ ก็คือทำได้เรื่อย ๆ แต่ไม่ได้มีความชาเลนจ์อะไร เลยแอบเสียดายนิด ๆ ที่ตัวเองที่ยังมีไฟอยู่มาเจองานสบายก่อน

แต่ด้วยความ first jobber ก็คงจะทำไปอย่างน้อย 3-4 ปีแหละ งานมีความมั่นคงพอสมควร ให้มันผ่านช่วยวิกฤติทั้งโควิดและเศรษฐกิจไปก่อนแล้วกันค่อยขยับขยายชีวิตตัวเอง เอาจริง ๆ น่ะมีแพลนจะเรียนปริญญาตรีใบที่สองหรือไม่ก็สอบทุนป.โทแหละ แต่ยังไม่มีรูปร่างอะไรชัดเจนในหัวเลย

ความจริงแล้วอยากจะลองกับทุนมงอีกสักตั้ง แต่เข้าไปดูแล้วก็ลำบากน่าดูสำหรับคนที่ไม่ได้ไปแลกเปลี่ยนและไม่ได้เรียน indep study หรือทำวิทยานิพนธ์ ก็คือมันไม่มีผลงานอะไรเลย ไม่มีอะไรไปโชว์ทางมงบุโชเลยว่า ชั้นจะไปวิจัยอันนี้ที่ฉันเคยวิจัยไว้ก่อนหน้านี้นะ แง มันเศร้าป้ะ แต่เดี๋ยวเรื่องนี้ค่อยหาทางไปคุยกับอาจารย์ที่มหาลัย เผื่อจะมีทางมีอะไรให้ไปต่อได้ ความฝันสูงสุดยังไงก็เป็นการไปเรียนต่างประเทศอยู่ดีอ่า แง

อีกเวย์ก็คือแวบเข้าสายทุนนิยมไปเลย จะไปเรียนป.ตรีใบที่สองเป็นสาวบัญชีแล้วครับ55555555 แบบ ก็ดูเป็นศาสตร์ที่ยังไงก็จำเป็นกับโลกปัจจุบันอะ สายการเงิน ฟินเทค เทคอะไรอย่างงี้ก็มาแรง ตอนแรกคิดว่าไปเรียนพวกภาษาโปรแกรม เรียน python ไรงี้ดีมั้ยนะ แต่เห็นว่าต้องเก่งเลขแล้วก็ถอยแล้ว

ส่วนงานตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร นายกลับญี่ปุ่นไปสักพักแล้ว แง ก็คือกลับชั่วคราวอะนะ ซึ่งกำหนดกลับเดิมจะเป็นปลายเดือนพฤษภาคม เจอโควิดรอบใหญ่ซัดเข้าไป เลื่อนกลับมาเรื่อยจนตอนนี้อยู่เฝ้าออฟฟิศคนเดียว 3 เดือนแล้วค้าบ จะว่าสบายมันก็สบายอะ แต่เหงามากกก โดยเฉพาะช่วง mental breakdown คือแทบจะขอให้ผีในออฟฟิศออกมาอยู่เป็นเพื่อน

สาเหตุของ mental breakdown ก็นะ แงง 社会人1年目 ก็อยากให้รับน้องกันด้วยเรื่องงานไง ไม่ใช่เรื่องความรัก

เอาจริงการเลิกกับแฟนอาจจะดูเป็นปัญหาที่หลาย ๆ คนเจอมาหลายรอบแล้ว แต่สำหรับคนที่เพิ่งเจอรอบแรกแบบเรานั้น กระอักเลือด นิยามของคำว่าครั้งแรกก็เจ็บหน่อยนะหรือเปล่านะ 555555555 เอาจริงก็ยังไม่ get over อะไร ยังร้องหงิง ๆ เป็นหมาโดนน้ำร้อนสาดอยู่แหละ และพักนี้ก็เป็น attention seeker เก่งมากด้วย จุดนี้ก็คือขอบคุณเพื่อนทุกคนที่ยอมให้เราไปวอแว

พักนี้ก็คือ งดเพลง back number ไปเลย จะจมกองน้ำตา เพราะฉะนั้น อาจจะไม่มีการแปลเพลง back number ไปพักใหญ่ ๆ อันที่จริงก็ไม่ค่อยได้แปลอะไรอยู่แล้วอะนะ แหะ ๆ

วันนี้เราก็เลยมาแปลก เราจะไม่แปลเพลงญี่ปุ่นเป็นไทย เราจะแปลเพลงไทยเป็นญี่ปุ่น555555 ขอเชิญพับกบ พบกับเพลง ลบไม่ได้ช่วยให้ลืมของคูมอิ้งค์ วรันธรกันเลยย อันนี้แปลเอาความนะ เอาไปร้องจริง ๆ ไม่น่าจะลงจังหวะใด ๆ 555555

อยากจะรู้วิธีลืมใครสักคน
ต้องทำอย่างไร
เก็บข้าวของของเธอที่มีอยู่
และโยนทิ้งมันไป
ไม่เหลืออะไรเลย

誰かを忘れるにはどうしたらいいかが知りたい。
君のものを全て捨てた。何も残さなかった。

และลบทุกรูปที่มีเธอ
ลบมันไปทุกข้อความ
ลบทุกอย่างที่นึกออก
ที่มันเคยเกิดขึ้นระหว่างเรา
แม้พยายามเท่าไหร่แต่สุดท้าย

君が写った写真も全部消して
君とののやり取りもともに削除した。
思いついた二人でいたごろに起きたことを消し去った。
それでも、結局・・・

มันไม่มีทางลืมใครสักคน
ถ้าหากว่าเรานั้นยังรัก
มันไม่มีทางลบใครสักคนถ้ายังเก็บไว้ในหัวใจ
ให้ลบดวงดาวทุกดวงหมดฟ้า
ลบเรื่องราวที่เคยผ่านมา
ลบอะไรก็ตามแต่ถ้าสุดท้ายยังรักอยู่
การลบไม่ได้ช่วยให้ลืม

まだ愛しているなら、その人を忘れるわけにはいかない。
心の中に留めていたら、存在を消すことはできない。
夜空の星を全部消したとしても、今まで起きたことを消したとしても
何もかも消しても、まだ愛しているなら忘れることなんてありえない。

ไม่เคยลืมเธอได้ลงสักที

一度も君のことを忘れることはない。

และลบทุกรูปที่มีเธอ
ภาพความทรงจำในวันนั้น
ลบมันไปทุกข้อความ
ตั้งแต่วันที่เราได้พบกัน
ลบทุกอย่างที่นึกออก
ที่มันเคยเกิดขึ้นระหว่างเรา
แม้พยายามเท่าไหร่แต่สุดท้าย

君が写った写真を全て消して、その日の思い出とともに。
出会った日からすべてのメッセージも。
思いついた二人でいたごろに起きたことを消し去った。
それでも、結局・・・

มันไม่มีทางลืมใครสักคนถ้าหากว่าเรานั้นยังรัก
มันไม่มีทางลบใครสักคนถ้ายังเก็บไว้ในหัวใจ
ให้ลบดวงดาวทุกดวงหมดฟ้า (ลบดวงดาวทุกดวงหมดฟ้า)
ลบเรื่องราวที่เคยผ่านมา (ลบเรื่องราวที่เคยผ่านมา)
ลบอะไรก็ตามแต่ถ้าสุดท้ายยังรักอยู่
การลบไม่ได้ช่วยให้ลืม

まだ愛しているなら、その人を忘れるわけにはいかない。
心の中に留めていたら、存在を消すことはできない。
夜空の星を全部消したとしても、今まで起きたことを消したとしても
何もかも消しても、まだ愛しているなら忘れることなんてありえない。

ยังไม่รู้จะทนได้นานสักเท่าไหร่
เขาไปแล้ว แล้วยังจะจำเขาทำไม
การลืมมันยากไป
หรือเป็นเพราะฉันเองที่ยังไม่อยากลืม

いつまで耐えられるだろうか。
彼はもう去ってしまったから、覚えても意味ないだろう。
忘れることは難しいか、それとも、自分はまだ忘れたくないか。

มันไม่มีทางลืมใครสักคนถ้าหากว่าเรานั้นยังรัก
มันไม่มีทางลบใครสักคนถ้ายังเก็บไว้ในหัวใจ
ให้ลบดวงดาวทุกดวงหมดฟ้า (ลบดวงดาวทุกดวงหมดฟ้า)
ลบเรื่องราวที่เคยผ่านมา (ลบเรื่องราวที่เคยผ่านมา)
ลบอะไรก็ตามแต่ถ้าสุดท้ายยังรักอยู่
การลบไม่ได้ช่วยให้ลืม

まだ愛しているなら、その人を忘れるわけにはいかない。
心の中に留めていたら、存在を消すことはできない。
夜空の星を全部消したとしても、今まで起きたことを消したとしても
何もかも消しても、まだ愛しているなら忘れることなんてありえない。

มันไม่มีทางลบใครสักคนถ้ายังเก็บไว้ในหัวใจ
แต่ถ้าสุดท้ายยังรักอยู่
การลบไม่ได้ช่วยให้ลืม

心の中に留めていたら、存在を消すことはできない。
何もかも消しても、まだ愛しているなら忘れることなんてありえない。

ไปละค้าบ มาเขียนบล็อกรอบหน้า หวังว่าตัวเองจะดีขึ้นแล้วนะ 55555555

ว่างก็อยากยุ่ง พอยุ่งก็อยากว่าง

ว่ากันว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ค่อยพอใจอะไรกับชีวิตตัวเอง ถึงขั้นมีสำนวนว่า The grass is always greener on the other side สิ่งรอบตัว เรื่องของคนนั้นคนนี้ก็ดูดีกว่าของตัวเองไปหมด เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่คิดแบบนั้นมาตั้งแต่ตอนที่ตัวเองพลาดไปแลกเปลี่ยนรอบฤดูใบไม้ร่วงของปีที่แล้ว

ตอนที่เพื่อนลั้นลากับใบไม้แดงอยู่ที่นู่น เรายังต้องเรียนอยู่ที่นี่ กับกลุ่มคนใหม่ ๆ ที่เราไม่คุ้นเคย ตอนที่อีกก้าวเดียว แค่ก้าวขาขึ้นเครื่องบิน เราก็จะได้ไปแลกเปลี่ยนแล้ว โควิดก็ทำให้ทุกอย่างแย่ลง เราต้องกลับมาลงทะเบียนเรียนตอนผ่านไปแล้วครึ่งเทอม เป็นการลงทะเบียนเรียนแล้วสอบเลย Challenging สุดในชีวิตแล้วจริง ๆ และสุดท้าย ตอนที่ความหวังจะได้ไปแลกเปลี่ยน 1 ปีของเราหมดลงตอนวิรัชกิจประกาศว่าจะไม่ส่งหรือรับนักเรียนแลกเปลี่ยนในรอบฤดูใบไม้ร่วงปีนี้

ตอนนั้นเราเคว้งไปพักนึงเลย ลังเลว่า ควรจะยื่นจบไปหางานให้มันจบ ๆ ไป หรือจะจมอยู่กับสิ่งที่ตัวเองยังไม่สมหวังสักทีอยู่แบบนี้ สุดท้ายด้วยเสียงในใจของตัวเองที่สนับสนุนด้วยคำแนะนำจากพี่ที่เรารู้จักตอนฝึกงาน เราเลือกที่จะรอต่อไป ด้วยใจที่รู้ว่า พ่อกับแม่ก็คงไม่อยากให้เราจมอยู่แบบนี้เท่าไหร่ เราเริ่มหางานไปแล้วก้าวหนึ่งด้วยการหว่านเรซูเม่ให้รีครูทไปแล้วด้วยซ้ำ แต่เราก็ยั้งไว้ก่อน เพื่อรอ fulfil สิ่งที่เราอยากทำให้ได้มากที่สุดก่อนชีวิตการเรียนเราจะจบลงอย่างเป็นางการ

เราเลือกทางนี้ โดยไม่รู้เลยว่า ภายภาคหน้า มันจะเกิดอะไรขึ้น เราจะต้องรอโดยเสียเปล่าหรือไม่

แต่ก็เลือกแล้วแหละ…

ทีนี้ เราก็จะมีเวลาว่างโดยที่ไม่สามารถไปหางานประจำทำได้ หรือลงเรียนอะไรได้ตั้งเกือบปี ก็เลยเริ่มวางแผนว่าจะทำยังไงให้เวลาตรงนี้มันคุ้มค่าที่สุด เราวางแผนว่าจะลงเรียนคอร์สออนไลน์ไปเรื่อย ๆ ไปจนถึงขั้นซื้อหนังสือภาษาจีนมาเพื่อจะเรียนภาษาเพิ่มเอง แต่ในใจมันก็แอบรู้สึกว่า มนุษย์สุรุ่ยสุร่ายแบบเรามันควรจะหาทางหาเงินบ้างอะ ไม่งั้นเงินเก็บจะไม่เหลือเลย 5555555555

เราเริ่มจากลงประกาศสอนพิเศษ รับปากทำคอนเทนต์ให้เพจของบริษัทที่เราไปฝึกงาน รวมถึงสมัครงานพาร์ทไทม์ในบริษัทเทรดดิ้งของญี่ปุ่นไปด้วย ตอนแรกเราคิดว่าคงไม่ค่อยมีเด็กเรียนพิเศษหรือไม่มีใครรับเราเข้าทำงานท่ามกลางสถานการณ์นี้หรอก รู้สึกแย่กับความว่างของตัวเองมาก ๆ ถึงขั้นต้องกลับไปปรึกษาพี่นักจิตวิทยาที่เราเคยคุยด้วยตอนช่วงเรียนเครียดมาก ๆ ช่วงปี 3

แต่สักพักก็มีน้องเข้ามาเรียนพิเศษด้วย รวมถึงได้งานพาร์ทไทม์ที่สมัครไปด้วย จากที่รู้สึกว่าง กลายเป็นว่าเราแทบจะทำงานโดยไม่มีวันหยุดเลยเสียด้วยซ้ำ มันก็เลยเกิดความรู้สึกว่า เฮ้อ อยากพักบ้างจัง55555555

ทำไมถึงเป็นมนุษย์ที่ไม่พอใจกับตัวเองได้ขนาดนี้นะ

ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกลงตัวกับชีวิตแล้วแหละ วันธรรมดาทำงานออฟฟิศ มียากบ้างง่ายบ้าง ยากตรงติดต่อลูกค้าซึ่งก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน แถมต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นเขียนสื่อความอย่างเดียว ทำให้เกิดความเข้าใจผิดง่ายขึ้นไปอีก ยังดีที่ในบริษัทมีรุ่นพี่ที่น่ารักและเพื่อน ๆ ที่รู้จักกันเต็มไปหมดเลยรู้สึกว่ามี mental support ค่อนข้างดี เสาร์อาทิตย์ก็มีไลฟ์สอนภาษาในเพจที่ฝึกงานเก่าและสอนพิเศษไปด้วย

เราเริ่มรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นเพราะเรารู้สึกว่าเรามีคุณค่าในโลกทุนนิยม เราหาเงินได้ แต่ก็เกิด question ในจิตใจแหละ ว่าทำไมถึงต้องรู้สึกว่าคุณค่าของตัวเองมันขึ้นอยู่กับการทำมาหากิน หาเงินได้ในโลกใบนี้ขนาดนั้นทั้งที่มันแทบไม่เกี่ยวกันเลย แต่เราไม่สามารถสลัดความรู้สึกด้อยค่าของตัวเองได้ตอนที่เราอยู่ว่างเฉย ๆ ได้

โลกมันอยู่ยากแต่เราก็ต้องอยู่อะเนอะ

อีกอย่าง เรารู้สึกรักมิตรภาพที่เราได้มาตอนเรียนรวมกับพี่ปี 5 หลาย ๆ คนด้วย เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ไม่รู้สึกแย่มากตอนทุกอย่าง went wrong แต่ถ้าเลือกได้ เราก็คงอยากให้ชีวิตเป็นไปตามที่เราหวังอยู่ดี

ไม่รู้เหมือนกันว่าก้าวพลาดไปตรงไหนบ้าง รู้แค่ว่ามันกลับไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว คงต้องพยายามตบ ๆ ให้ชีวิตตอนนี้มันเป็นไปตามที่อยากให้เป็นมากที่สุด อยากให้ช่วงเวลาที่ยิ้มมากกว่าร้องไห้มันดำเนินต่อไปได้นาน ๆ

รู้สึกว่าหลุดธีมบล็อกมาก ๆ แต่ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกมั้ง5555555555

ถ้าเพื่อน ๆ แวะเข้ามาดูก็ทักทายกันได้นะคะ

ซุยกะ

2020.07.30