なごり雪

なごり雪・หิมะหลงฤดู

เมื่อเกือบ ๆ เดือนก่อน ได้มีโอกาสไปฟังบรรยายพิเศษในคาบ App Jp Ling เกี่ยวกับการเรียนภาษาผ่านเพลงญี่ปุ่นมาค่ะ ได้ข่าวมาจากเพื่อนปีเดียวกัน (ที่ไปเรียนญี่ปุ่นมาก่อนปีนึงเลยมาลงคลาสนี้ปีนี้) ว่าอาจารย์ชวนไปฟัง หนูนี่น้ำตาแทบไหล ขอบคุณอาจารย์มากค่ะที่ยังนึกถึงหนู ฮือ

อาจารย์ที่มาบรรยายเป็นอาจารย์ท่านเดียวกับที่พูดเรื่องคำยกย่องถ่อมตัวเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง ยังประทับใจกับมุก おでんはありますか อยู่เลยค่ะ55555 มารอบนี้มาบรรยายเรื่องเพลงก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลย ชอบการเปิดโอกาสให้ตีความเนื้อเพลงในหลากหลายความหมายและสถานการณ์ เพราะด้วยธรรมชาติของเพลงญี่ปุ่นเองก็มีความคลุมเครือและเปิดพื้นที่ให้ตีความได้กว้างอยู่แล้ว ปกติมันจะตีความ คิดเองเออเองไปคนเดียว แต่พอได้ร่วมการบรรยายในครั้งนั้น การตีความและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหลาย ๆ คนกลายเป็นเรื่องสนุกมาก ๆ

ที่ว่าด้วยธรรมชาติของเพลงญี่ปุ่นมีความคลุมเครือนั้น อาจารย์ก็ได้สรุปหลังจากตีความเนื้อเพลงกันแล้ว ว่ามันเนื่องมาจากความ “พูดคนเดียว” ของเพลงญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งพอมันเป็นการพูดบ่นพึมพำคนเดียว บางทีมันก็ไม่ปรากฎประธานทำให้บางทีมันเดายากมากว่าประโยคนี้ประธานคือใคร ควรจะตีความไปในทางไหน อีกเรื่องที่เหมือนอาจารย์เตรียมสไลด์มาแต่ไม่ทันเวลาน่าจะเป็นเรื่อง 主観的 กับ 客観的 (รึเปล่านะ?) ซึ่งคิดว่าถ้าได้ฟังบรรยายคงจะน่าสนใจมาก ๆ

เพลงที่อาจารย์นำมาสอนรอบนี้ชื่อเพลง なごり雪 ค่ะ ซึ่งจะแปลก็คงประมาณหิมะหลงฤดูอะไรประมาณนั้น เกร็ดตลก ๆ ของเพลงนี้ก็คือ ตอนแรกประเทศญี่ปุ่นไม่ใช้คำนี้กันทั่วไป แต่พอเพลงนี้ออกมาแล้วดังเปรี้ยงปร้าง ก็กลายเป็นศัพท์บัญญัติไปเสียอย่างนั้น55555

เนื้อเพลงของเพลงนี้เรียบง่ายมากค่ะ ฟังแล้วรู้ความหมายทุกคำ เพียงแค่ความ “ประธานหาย” ทำให้มีหลาย ๆ จุดที่ค่อนข้างจะตีความยากอยู่ทีเดียว ท้ายชีทเนื้อเพลงอาจารย์ก็เลยตั้งคำถามไว้ 3 ข้อดังนี้ค่ะ

  1. “เธอ” และ “ผม (หรือฉัน)” ในเรื่องนี้คือใคร และอยู่ในสถานการณ์ไหน
  2. 「今春が来て君はきれいになった」ทำไม และมีความหมายอย่างไร
  3. A ตอนที่ “ผม” แยกกับ “เธอ” นั้น ผมพูดอะไรออกไป และทำไม
    B “ผม” กำลังเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง และเรื่องนี้ต้องการจะสื่ออะไร

ข้อแรก:
เอาจริง ๆ พล็อตที่คิดได้ในหัวตอนนี้คือน้ำเน่าสุด ๆ 55555555 คือเราอะคิดว่า สองคนนี้เป็นคู่รักกัน จะคู่รักเพศไหนก็แล้วแต่แหละ อีกฝ่ายนึงน่าจะต้องไปแต่งงานเพราะที่บ้านบังคับ แบบโอมิไออะไรแบบนั้น ส่วนอีกฝ่ายที่จำใจต้องเลิกเพราะพ่อแม่อีกฝ่ายไม่ยอมรับก็ต้องปล่อยไปโดยทำอะไรไม่ได้ โห บอกแล้วค่ะน้ำเน่า อ่านนิยายเยอะ55555

ข้อสอง:

ทำไม 今春が来て แล้วทำไมเธอถึง きれいになった อันนี้อาจจะหมายถึงฤดูจริง ๆ หรือเป็น metaphor ของความรักทั้งคู่ก็ได้ ก่อนหน้าฤดูใบไม้ผลิมันก็คือฤดูหนาว อากาศที่หนาวเหน็บผ่านพ้นไป ก็เหมือนช่วงของความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ก็ผ่านไปเหมือนกัน ส่วนตัวเธอที่กำลังจะจากไปก็เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ทุกอย่างดูสดใส ทุกอย่างดูดีขึ้น แต่ไม่มีตัวคนเล่าอยู่ในชีวิตเขาอีกแล้ว

ข้อสาม:

A ตอนแยกกัน “ผม” พูดว่าอะไร เราคิดว่า ไม่ได้พูดอะไรแน่ ๆ เลย คงทำได้แค่มองเขาค่อย ๆ จากไปจนสุดสายตา ทำได้แค่พูดทุกสิ่งในใจของตัวเองเพราะกลัวว่าเขาจะลำบากใจ ไม่ก็กลัวว่าพูดแล้วตัวเองจะร้องไห้ออกมา

B ตัว “ผม” เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง และเรื่องนี้ต้องการจะสื่ออะไร ข้อนี้ยากมาก ถ้าคิดว่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง อาจจะไม่ได้เจาะจงว่าต้องส่งไปให้ถึงใครคนใดคนหนึ่ง แต่อยากเขียนเล่าเฉย ๆ เผื่อว่าวันนึง “เธอ” คนที่จากไปจะรับรู้บ้างว่ายังมีคนนึงที่หวังดีกับเธออยู่ตรงนี้อะไรประมาณนั้น

เอาล่ะ จบ 解説 แบบน้ำเน่า ๆ แล้ว คือกว่าจะเขียนได้ก็ต้องรอมีอารมณ์ สุดท้ายคือผ่านมาหลายเดือนแล้ว55555 แต่สุดท้ายก็ได้เขียนแล้วแหละ ปรบมือให้ตัวเองงงงง

夏休みの日記: 絶望・新たな絆・ちょっと成長してきた自分

หลังจากที่อัพเดตบล็อคไปราว 2 เดือนก่อน บ่นขิงว่าฝึกงานไม่เริ่มสักที สรุปว่าเราไม่อยากเสี่ยงกับที่ฝึกงานที่ได้ก่อนหน้าเพราะทางนั้นดูไม่ค่อยพร้อมรับเด็ก เราก็เลยตัดสินใจหาที่ฝึกงานใหม่แบบปุบปับมาก ๆ เดี๋ยวจะเล่าหลังจากนี้ แล้วก็มีเรื่องผิดหวังมาก ๆ แต่ก็ทำให้ตัวเองโตขึ้นและทางกลับกัน เรารู้สึกว่าตัวเองก็แข็งแกร่งขึ้นนิดหน่อยด้วยล่ะ

インターン生として1か月半の生活

ที่แรกที่เราได้ เป็นที่ที่เพื่อนชวนไปเพราะเพื่อนเคยทำงานพาร์ทไทม์อยู่ ตอนที่รับมา จุดนั้นเริ่มสิ้นหวังว่าจะหาไม่ได้ คว้าอะไรได้ก็คว้าไว้ก่อน มาย้อนคิดดูอีกทีเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวนิดหน่อย ยิ่งตอนตัดสินใจจะไม่ทำแล้วยิ่งรู้สึกผิด แต่ทางบริษัทนั้นก็เพิ่งตั้งใหม่ยังดูไม่ค่อยพร้อมจริง ๆ เราก็เลยพยายามหาใหม่ ตอนนั้นคือปลายเดือนมิถุนายนแล้ว เพื่อนที่ฝึกก็คือฝึกกันเกือบเดือนแล้ว ส่วนเราก็ไม่รู้อนาคต ไม่รู้ว่าผลแลกเปลี่ยนจะเป็นยังไงด้วย แต่ก็พยายามหาใหม่

แล้วเราก็เจอโฆษณาใน Facebook เด้งขึ้นมา เป็นโฆษณารับเด็กฝึกงานให้กับบริษัทที่ทำเว็บรวบรวมงานในบริษัทญี่ปุ่นเว็บหนึ่ง คือเราไม่ได้กดไลค์เพจแต่มารู้ที่หลังว่าพี่ที่ยิงโฆษณาเขาเจาะกลุ่มเพื่อนของคนที่กดไลค์เพจด้วยเราก็เลยเห็น

ตอนนั้นคือ กดสนใจงานวันพุธ ทางบริษัทติดต่อมาวันพฤหัส ไปสัมภาษณ์วันศุกร์ แล้วเริ่มงานวันจันทร์เลย ปุบปับและเร็วมาก ๆ จนเราเผลอคิดไปแวบนึงว่าบริษัทนี้รับคนง่ายดีแฮะ แต่ก็มารู้ทีหลังว่าความจริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น5555555555555

งานที่เราได้ทำที่บริษัทนี้ไม่ได้ Challenging หรือต้องการอะไรจากเรามาก งานที่ได้รับมอบหมายก็คือ อธิบายเราก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องมาเรียนรู้อะไรยาก ๆ ใหม่ แถมมีคนคอยชี้แนะทุกขั้นตอน ดูแลกันทั้งด้านการทำงานและด้านจิตใจด้วย แต่สิ่งสำคัญมาก ๆ คือ ทักษะการสื่อสาร สำหรับเราไม่ใช่แค่เรื่องกำแพงภาษา ภาษาที่แตกต่างของคนในที่ทำงานก็ส่วนหนึ่ง (มีทั้งคนไทยที่พูดอังกฤษได้อย่างเดียวและพูดได้ทั้งญี่ปุ่นและอังกฤษ และคนญี่ปุ่นที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้แต่ไม่รู้ภาษาไทย) แต่สิ่งสำคัญกว่าเป็นเรื่องการสื่อสารให้รู้เรื่องและประสานงานกับคนอื่นให้ได้มากกว่า

ตำแหน่งที่เราเข้าไปทำอาจจะเรียกได้ว่าเป็น Marketing Assistant ที่พวกตำแหน่ง General เบ๊เล็ก ๆ ฟากการตลาดเราทำฝั่ง B to C (Business to Customer) คือพยายามสร้าง engagement กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นบุคคล โดยจะทำพวก Content ใน Facebook เพื่อสร้าง Engagement และทำให้เว็บเป็นที่รู้จักมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามทำให้เรซูเม่ของสมาชิกเว็บไซต์มีคุณภาพด้วย แล้วที่สนุกที่สุดสำหรับฟากการตลาดก็คือ เราโชคดีที่เข้าไปช่วงเด็กฝึกงานญี่ปุ่นกำลังจะทำอีเวนท์ เราก็เลยช่วยเด็กฝึกงานญี่ปุ่นโดยตรงในการประสานงานกับฟากคนไทย รวมถึงทำพวกโปสเตอร์งานต่าง ๆ ด้วย ได้ฟื้นสกิล Photoshop นิดหน่อย สนุกมากกกก

แต่อีเวนท์นี่เรียกได้ว่าทั้งสนุกทั้งลำบากเหมือนกัน เราต้องหาวิธีให้คนมาเข้าร่วมงานให้ได้มากที่สุด ต้องปรึกษากับทีมกันแบบหัวแทบแตก แถมวันงานก็ต้องพรีเซนต์สั้น ๆ ด้วย เล่นเอาคนที่ไม่ค่อยถนัดพรีเซนต์ต่อหน้าคนเยอะ ๆ ประหม่าไปเลย 555555555 แล้วเราก็จบฝึกงานด้วยอีเวนท์นี้ ยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดไม่น้อยแหละ แต่พี่ที่ทำงานก็ปลอบใจบอกดีแล้ว ๆ

รีูปวันพรีเซนต์จบฝึกงาน

ส่วนตำแหน่ง General เบ๊ เราได้เรียนพวกงานธุรการทั่วไปแหละ แบบติดต่อประกันสังคม ภกด ต่าง ๆ ที่เลขยุบยับไปหมด การจ่ายบิลแบบมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตอนแรกคืองงมาก แต่ตอนนี้ก็พอเข้าใจ process โดยรวม รู้สึกว่าทำอะไรแบบนี้ก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน

สิ่งสำคัญที่เราได้มาจากที่นี่ก็คือมิตรภาพจริง ๆ พี่ ๆ ที่ฝึกงานน่ารักกันทุกคน น่ารักไปยัน CEO เราชอบ mentoring session มาก ๆ แม้จะเคยเข้าแค่ครั้งเดียว เราเหมือนได้ฟัง vision จากคนที่มีประสบการณ์ แล้วเราก็พอเห็นแนวทางของตัวเองต่อจากนี้ไปด้วย ได้เพื่อนคนญี่ปุ่นรุ่นราวคราวเดียวกัน ไปเที่ยวด้วยกัน เป็นช่วงเวลาที่สนุกแบบคาดไม่ถึงเลย

และที่สำคัญมากที่สุด ที่นี่ เรารู้สึกว่าภาษาญี่ปุ่นตัวเองก็ไม่ได้ง่อยขนาดนั้นนี่!! ก็สื่อสารได้อะ พูดคุยกันรู้เรื่อง แค่แบบ ระดับเป็นทางการอาจจะต้องไปฝึกอีกเยอะ

人生第一の大きな失敗

อย่างที่เราเกริ่น ช่วงปิดเทอมเราเจอความผิดหวังครั้งใหญ่ ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นนิคเคนเซที่เราสอบไปเมื่อต้นปี พอเรื่องไปถึงกระทรวงที่ญี่ปุ่นแล้วเราไม่ผ่าน ช่วงรู้ผลก็คือช่วงเราฝึกงานอาทิตย์แรกพอดี วันนั้นก็คือร้องไห้ในที่ทำงานจนพี่ ๆ เขาตกใจกันทั้งบริษัท (แต่วันต่อมาก็คือสภาพซอมบี้ ออกมาทำงานได้ปกติ)

เราอาจจะถือว่านี่เป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของเราก็ได้ ก่อนหน้านี้เรื่องผิดหวังที่เราเจอไม่เคยเป็นก้าวใหญ่ของชีวิต อย่างมากก็แค่เรื่องเล็กน้อยที่มีผลกับเราไม่นาน เราสอบม.ปลายติดทั้งที่อ่านหนังสือไม่นาน เราสอบมหา’ลัยได้โดยผลไปตามที่เราหวัง เราเข้าเอกได้โดยที่อาศัยความพยายามอยู่เหมือนกันแต่ก็สำเร็จแบบสวยงาม เราอาจจะพลาดทุนซุยเซ็นปีที่แล้วแต่เป็นเรื่องที่เราคาดไว้ตั้งแต่ส่งใบสมัคร

แต่มันต่างจากครั้งนี้ที่เราตั้งใจมาก ๆ ใส่ใจทุกขั้นตอน เขียน study plan อ่านหนังสือสอบ เตรียมตัวสัมภาษณ์ แต่ผลที่เราได้รับกลับไม่ตรงกับที่เราคาดหวัง จุดนั้นคือแผนที่เราวางไว้ 1 ปีข้างหน้าพังทลายแบบไม่มีชิ้นดี เราร้องไห้จนนอนหลับไม่ได้ ต้องโทรไปหาเพื่อนที่ก็ฝึกงานเหนื่อยเหมือนกัน เราโชคดีที่เรามีเพื่อนคอยปลอบและให้คำปรึกษาที่ดี เพื่อนคนนั้นบอกเราว่า

“Everything happened for a reason”

การที่เราไม่สมหวังกับสิ่งนี้ มันอาจจะเพื่อให้เราไปเจอสิ่งอื่น

ครั้งนี้เราโชคดีที่มีเพื่อนดี พ่อแม่อยู่ข้าง ๆ พี่และเพื่อนที่ฝึกงานที่ให้ความมั่นใจว่าเรายังมีศักยภาพอยู่ แล้วก็โชคดีสุด ๆ ที่ปีนี้วิรัชกิจเปิดทุนรอบฤดูใบไม้ผลิช้า เราก็เลยสมัครทัน เราก็เลยลองดูอีกสักรอบแม้รอบนี้จะมีโอกาสน้อยนิดที่เราจะได้ทุนสนับสนุนชีวิตความเป็นอยู่ก็เถอะ55555555

อวยพรให้ชินชูรับเรา และขอให้ Jasso เมตตาเราด้วย

最後に

ดกไคเต็ม คนสอบเองก็งง เพราะตอนนั้นอ่านไม่รู้เรื่องจ้า 55555555555

ขออออออออออออออออขิงงงงงงงงงงงงงงงงคะแนนนนนนนนนนนนนนนน N1 หน่อยค้าบบบบบบบบ เสีย 800 แบบไม่สูญเปล่า คะแนนขึ้น น้ำตาจะไหล5555555555555555555 ตรงนี้อนุญาตให้มาตบได้นะคะ เล่าความรันทดมา 3 พารากราฟ จบด้วยความน่าหมั่นไส้

Back Number ยังไม่ออกเพลงใหม่เลยค่ะ ชีวิตเศร้า ๆ หน่อยช่วงนี้ แต่ก็ยังดีที่บอลพรีเมียร์ลีกเปิดฤดูกาลแล้วววววว เย่ แค่เราตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ตายจนกว่าลิเวอร์พูลจะได้แชมป์ เราก็จะมีชีวิตอยู่ไปได้อีกอย่างน้อย 1 ปี (หรืออีกหลายปี เพราะไม่ยอมได้แชมป์สักที)

ขออนุญาตขิงถ้วย UCL สมัยที่ 6 สักหน่อย อุตส่าห์ถ่อไปพระราม 9 เพื่อถ่ายรูป 3 วิ

何かがあっても、人生は続いていくのだろう